ก่อนอื่นมารู้จักกันก่อนว่า Dwell Time คืออะไร?
Dwell Time คือ เวลาที่ใช้ตั้งแต่การคลิกที่หน้าค้นหาแล้วเข้าสู่หน้าเว็บ จนถึงการคลิกหรือกดปุ่ม Back กลับไปสู่หน้าค้นหา
จากรายงานของ FireEye และ Marsh & McLennan พบว่าค่ากลางของ Dwell Time ในช่วงเวลาที่มีปัญหาเรื่องช่องโหว่ จนถึงช่วงเวลาที่มีการตรวจพบ ใช้เวลาประมาณ 172 วัน เมื่อเทียบกับเวลาที่ใช้ระดับโลกคือ 99 วัน ปัญหาความแตกต่างทางด้านเวลานี้มาจากการลงทุนด้านความปลอดภัยที่ต่ำ และรวมถึงปัญหาอื่นๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ FireEye ได้อ้างถึงรายงานของ Marsh & McLennan ใน “2017 Global Cyber Survey” ที่กล่าวว่า การโจมตีทางการเงินที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมในแถบเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นร้อยละ 39 แถม 1 ใน 3 ยังเป็นลูกค้าของ FireEye ยังพบปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์ทางด้านการเงินโดยเป้าหมายจะอยู่ที่อุตสาหกรรมทางด้านพลังงาน, อุตสหกรรมด้านสาธารณูปโภค และโทรคมนาคม
แถบเอเชียแปซิฟิกนั้นประกอบด้วย เอเชียตะวันออก, เอชียใต้, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งความแตกต่างทางด้านระยะเวลาตามรายงานบอกว่าค่า Dwell Time ในยุโรป, ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 106 วัน ส่วนอเมริกานั้นใช้ระยะเวลาประมาณ 99 วัน
สาเหตุที่ทำให้ค่า Dwell Time ในแถบเอเชียแปซิฟิกสูงนั้นเกิดจาก มาตรการรักษาความปลอดภัยของบริษัทต่างๆ ที่ยังขาดการเตรียมพร้อมในการป้องกัน และการรับรู้ถึงปัญหาอาชญกรรมทางไซเบอร์, การลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัยที่ต่ำ, ปัญหาทางการเมือง และการขาดแคลนบุคคลากรในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ อีกทั้งในบางประเทศยังไม่มีระเบียบหรือกฏถึงการรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย แต่ว่าในตอนนี้ทางสิงคโปร์กับทางออสเตรเลียเริ่มมีแผนที่จะใช้มาตรการรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ในปี 2561 นี้
การที่จะลดค่า Dwell Time นั้นทำได้โดย กำหนดมาตรการ หรือแนวทางด้านความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิม และต้องมีการพัฒนาโปรแกรมทางด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น
จากรายงานนี้ชี้ให้เห็นว่าแถบเอเชียแปซิฟิก ควรที่จะเริ่มคิดค้น หามาตรการในการรักษาความปลอดภัย, วิธีการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น และควรออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาชญกรรมทางไซเบอร์
ที่มา : Security Intelligence Security