ชั้น 29 ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์

999/9 พระราม 1 กรุงเทพฯ 10330

บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด

0-2107-3466

โทรเลยดิจะรออะไร

WinRAR ออกแพทช์ใหม่ในรอบ 19 ปีที่ผ่านมาเพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย

นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก CheckPoint ได้พบช่องโหว่ที่ใน WinRAR ทุกรุ่นที่ถูกจำหน่ายในช่วงที่ 19 ปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา แฮกเกอร์จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ทำการโจมตีแบบ remote code execution ได้

ช่องโหว่นี้อยู่ในไลบรารี UNACEV2.DLL ใช้ในการแตกไฟล์ให้อยู่ในรูปของ ACE เมื่อผู้ใช้ทำการแตกไฟล์ที่บีบอัดไว้ UNACEV2.DLL จะสร้างไฟล์ที่ดป็นอันตราย โดยจะถูกนำไปเก็บไว้ตาม path ที่แฮกเกอร์กำหนดไว้ได้ตามต้องการ ซึ่งหมายเลขของช่องโหว่นี้คือCVE-2018-20250, CVE-2018-20251, CVE-2018-20252, และ CVE-2018-20253

ที่น่าตกใจยิ่งกว่านี้ ก็คือเมื่อประมาณปีที่แล้วทางบริษัท WinRAR ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับช่องโหว่นี้ ทำให้มีผู้สนใจอยากจะซื้อช่องโหว่นี้เป็นเงินถึง 100,000 เหรียญ หรือประมาณ 3,111,700.00 บาท เพื่อนำไปใช้ในการโจมตีแบบ remote code execution flaw ใน WinRAR, 7-Zip, WinZip (บน Windows) หรือ tar (บน Linux)

นักวิจัยได้ทดลองสร้างมัลแวร์ในโฟลเดอร์ Windows startup (C:\ProgramData\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs\StartUp) และในไดเรกทอรี C:\Users\<user name>\AppData\Roaming\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs\Startup) มัลแวร์ตัวนี้จะทำงานหลังจากรีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดเชื้อ และเข้ายึดเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถดูวิดีโอการทดลองได้จากด้านล่างนี้

ที่มาวิดีโอ: ZDNet

สำหรับวิธีการแก้ปัญหานั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากช่องโหว่นี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2005 อีกทั้งบริษัทที่พัฒนาโปรแกรมนี้ก็ปิดกิจการไปแล้ว นักวิจัยจึงตัดสินใจตัดความสามารถของโปรแกรม ACE นี้ออกไป ส่งผลให้ช่องโหว่ .dll ยังไม่ได้รับการแก้ไขมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องโหว่นี้สามารถดูได้ที่ cp<r> :Extracting a 19 Year Old Code Execution from WinRAR

ดังนั้น WinRAR ตั้งแต่ version 5.70 beta 1 เป็นต้นไปทุกรุ่น นั้นได้รับการแก้ไขช่องโหว่แล้ว เพราะทาง WinRAR ได้ตัดโปรแกรม ACE ออกไปแล้ว ซึ่งสามารถโหลดและซื้อ WinRAR ได้ที่ WinRAR 5.61

ในตอนนี้ทาง WinRAR ได้ออกมาระบุว่ามีผู้ใช้งาน WinRAR มากกว่า 500 ล้านคน ซึ่งเป็นทั้งผู้ใช้งานตามบ้าน และพนักงานในบริษัทต่างๆ ดังนั้น ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบกับผู้ใช้งานจำนวนมากอย่างแน่นอน

ที่มา: ZDNet

สนใจติดตามข่าวสารกับทางโฮสอะตอมได้ที่ hostatom.com